มือดีปาระเบิดใส่ ปชช. ร่วม ชุมนุมรำลึกหนึ่งปีรัฐประหารเมียนมา ตาย 2 เจ็บเพียบ

มือดีปาระเบิดใส่ ปชช. ร่วม ชุมนุมรำลึกหนึ่งปีรัฐประหารเมียนมา ตาย 2 เจ็บเพียบ

เกิดเหตุคนร้ายปาระเบิดใส่ประชาชนที่ร่วม ชุมนุมรำลึกหนึ่งปีรัฐประหารเมียนมา ตาย 2 เจ็บเพียบ เบื้องต้นยังไม่มีใครออกมารับผิดชอบต่อความรุนแรงในครั้งนี้ เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ สำนักข่าว ชาแนลนิวส์เอเชีย รายงานว่า มีผู้ชุมนุมเสียชีวิต 2 ศพ และได้รับบาดเจ็บอีก 38 ราย ในทางตะวันออกของประเทศเมียนมา หลังจากที่มีบุคคลไม่ทราบฝ่ายปาระเบิดเข้าไปในการชุมนุมประท้วงและรำลึกครบรอบหนึ่งปีที่ พล.อ.อาวุโส มินอ่องหล่าย ก่อรัฐประหารกับรัฐบาลของ นาง อองซานซูจี

โดยขณะนี้ ยังไม่มีฝ่ายใดที่ออกมาแสดงความรับผิดชอบจากเหตุความรุนแรงในครั้งนี้ 

หลังจากที่ประชาชนในหลายพื้นที่ของเมียนมาได้ทำการประท้วงเงียบ และปรบมือ ซึ่งการปรบมือนั้นถือเป็นการแสดงการต่อต้านรัฐบาลและถือเป็นเรื่องผิดกฎหมาย เช่นเดียวกันกับการเคาะหม้อหรือบีบแตร

ซึ่งหากย้อนกลับไปในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ เมื่อปี 2564 ที่ผ่านมา พล.อ.อาวุโส มินอ่องหล่าย ก่อรัฐประหารกับรัฐบาลของ นาง อองซานซูจี โดยอ้างว่านาง อองซานซูจี โกงการเลือกตั้งในช่วงเดือนพฤศจิกายน ปี 2563 อย่างไรก็ตามการรัฐประหารครั้งนี้ทำให้ประชาชนออกมาประท้วงและนำไปสู่ความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง

หากอ้างอิงจากข้อมูลของกลุ่มเฝ้าสังเกตการณ์ในเมียนมาพบว่า มีผู้เสียชีวิตกว่า 1,500 ศพ จากเหตุการสลายการชุมนุมในเมียนมา และยังมีผู้ชุมนุมรวมถึงนักข่าวถูกจับกุมเป็นจำนวนมาก

องค์การอนามัยโลกระบุว่า ปัจจุบันโอมิครอนคิดเป็นสัดส่วนในการแพร่ระบาดมากกว่า 93% ในเดือนที่ผ่านมา ซึ่งการแพร่ระบาดดังกล่าวพบโอมิครอนสายพันธุ์ย่อยหลายตัวตั้งแต่ BA.1, BA.1.1, BA.2 และ BA.3

โดย WHO เปิดเผยว่าโอมิครอน BA1 หรือ โควิดโอมิครอนดั้งเดิมยังเป็นสายพันธุ์ที่มีการแพร่ระบาดสูงสุดและคิดเป็นร้อยละ 96 ของการแพร่ระบาดของโอมิครอนทั้งหมด อย่างไรก็ตาม มีการพบโควิดโอมิครอน BA.2 อย่างเห็นได้ชัด ซึ่งในบางประเทศนั้นพบโควิดโอมิครอนล่องหนเป็นอัตรากว่าครึ่งของผู้ป่วยทั้งหมด

สาเหตุที่ที่เรียกโควิดโอมิครอนสายพันธุ์ BA2 ว่าโควิดล่องหน นั้น เนื่องจากมีการกลายพันธุ์จนทำให้เกิดความแตกต่างทางพันธุกรรม และทำให้ตรวจหาเชื้อได้ยาก ซึ่งคาดว่าโควิดโอมิครอน BA2 สามารถแพร่เชื้อได้เร็วกว่าโควิดโอมิครอน BA1

สื่อต่างชาติเผย คิมจองอึน พก ห้องน้ำส่วนตัว หวั่นข้อมูลด้านสุขภาพของตนรั่วไหลผ่าน อุจจาระ เข้มห้ามคนนอกใช้ไม่งั้นโดนประหาร เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ สำนักข่าว นิวส์ 18 รายงานว่า แหล่งข่าวภายในเกาหลีเหนือ เปิดเผยว่า นาย คิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือนั้น ได้สั่งติดตั้งห้องน้ำส่วนตัวในรถยนต์ หลังจากที่นาย คิม ไม่ไว้ใจในการใช้ห้องน้ำสาธารณะ เนื่องจากหวั่นว่าข้อมูลสุขภาพของเขาจะรั่วไหลผ่านอุจจาระ

ซึ่งผู้นำเกาหลีเหนือยังได้สั่งให้บอดี้การ์ดส่วนตัวดูแลปกป้องห้องน้ำภายในรถยนต์ พร้อมย้ำเตือนด้วยว่า หากมีประชาชาคนอื่นถูกจับได้ว่าแอบใช้ห้องน้ำส่วนตัวของนายคิม โทษสูงสุดคือประหารชีวิต

โดยห้องน้ำส่วนตัวไม่ได้มีอยู่เฉพาะในรถไฟส่วนตัว เท่านั้น แต่ยังมีในรถส่วนตัว ไม่ว่าจะขนาดเล็กหรือกลาง แม้แต่รถที่ออกแบบมาเพื่อเดินทางในภูมิประเทศที่เป็นภูเขาหรือหิมะ ซึ่งในขบวนรถ จะมีรถหลายคัน เพื่อให้ไม่รู้ว่าผู้นำคิมนั่งอยู่คันไหน และจะมีรถที่แยกออกมา ที่จะทำหน้าที่เป็นห้องน้ำของผู้นำคิม

นอกจากนี้ยังมีรายงานอีกว่า อาหารที่นายคิมทานถูกสุขลักษณะอนามัยมากขึ้น หลังจากที่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า นายคิมอาจหัวใจวายฉับพลันได้ เนื่องจากสภาพร่างกายที่อ้วนท้วมของเขา

ครั้งแรกของโลก! นักบินอวกาศจีน ส่งคำอวยพรตรุษจีนจากนอกโลก

นักบินอวกาศจากประเทศจีนประจำสถานีอวกาศ เสินโจว-13 ได้ ส่ง ส่งคำอวยพรตรุษจีนจากนอกโลก เป็นครั้งแรกครั้งโลก เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ สำนักข่าว ซินฮัว ได้รายงานว่า นักบินอวกาศที่ประจำอยู่ที่สถานีอวกาศ เสินโจว-13 ได้ส่งคำอวยพรเนื่องในโอกาสวันตรุษจีน จากอวกาศ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่มีการส่งข้อความอวยพรวันตรุษจีนจากอวกาศมายังโลกมนุษย์

โดย หวัง ย่าผิง นักบินอวกาศหญิงหนึ่งเดียวประจำยาน ได้กล่าวอวยพรให้เด็กทั่วประเทศ “มีความสุขสดใสและเติบโตอย่างแข็งแรง” และอวยพรให้ประเทศจีน “เจริญรุ่งเรืองมั่งคั่ง”

ขณะที่ นายเย่ กวงฟู่ มาพร้อมกับป้ายสัญลักษณ์คำว่า “ฝู” ที่แปลว่าโชคดีมีสุข พร้อมกล่าวสวัสดีปีใหม่ประชาชนทั่วประเทศและอวยพรให้ทุกครอบครัวมีความสุขความเจริญ ด้านนายไจ๋ จื้อกัง หัวหน้าทีม กล่าวปิดท้ายว่า “ผมขออวยพรให้ทุกคนมีความสุขในวันปีใหม่ สุขภาพแข็งแรง และสมปรารถนาในทุกสิ่ง”

นับเป็นครั้งแรกที่ทีมนักบินอวกาศจีนจะเฉลิมฉลองเทศกาลตรุษจีนบนสถานีอวกาศ ซึ่งอยู่ห่างจากโลกราว 400 กิโลเมตร หลังเมื่อเดือนธันวาคม พวกเขาได้เฉลิมฉลองวันขึ้นปีใหม่และต้อนรับแสงแรกของปี 2022 บนสถานีฯ เป็นครั้งแรกเช่นกัน

ทั้งสายพันธุ์ดั้งเดิม และสายพันธุ์ที่กำลังแพร่ระบาดอยู่ในขณะนี้ โดยทางทีมผู้วิจัยหวังว่าจะช่วยให้ผู้ป่วยได้รับการวินิจฉัยได้อย่างรวดเร็ว และเข้าถึงการตรวจได้ง่าย ทำให้หน่วยงานของรัฐสามารถวางแผนมาตรการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคได้อย่างทันท่วงทีและมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะส่งผลดีต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยรวมทั้งสังคม และเศรษฐกิจของประเทศชาติในทุกๆ ด้านอีกด้วย

เครดิต : รีวิวซีรี่ย์เกาหลี | ลายสัก | รีวิวร้านอาหาร | โทรศัพท์มือถือ ราคาถูก | เรื่องย่อหนัง